ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก
ฉบับที่ ๖๖ (พ.ศ. ๒๕๓๘)
เรื่อง กำหนดหลอดไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๑ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๒๒ คณะกรรมการว่าด้วยฉลากออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑ ให้ยกเลิก
(๑) ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ ๙ (พ.ศ. ๒๕๒๖) เรื่อง กำหนดหลอดไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก ลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๒๖
(๒) ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก ฉบับที่ ๕๒ (พ.ศ. ๒๕๓๔) เรื่อง กำหนดหลอดไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๓๔
ข้อ ๒ ในประกาศฉบับนี้ “หลอดไฟฟ้า” หมายความว่า หลอดไฟฟ้าชนิดที่เปล่งแสงออกมาจากไส้หลอดโดยตรง สำหรับให้แสงสว่างเพื่อการใช้งานทั่วไป
ข้อ ๓ ให้หลอดไฟฟ้าเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก
ข้อ ๔ ประกาศฉบับนี้ไม่ใช้บังคับแก่หลอดไฟฟ้าที่ผลิตเพื่อการส่งออก ซึ่งได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(๑) หลอดไฟฟ้าดังกล่าวต้องแสดงข้อความให้เห็นและอ่านได้ชัดเจนไว้ที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อบรรจุเป็นภาษาไทยว่า “สำหรับส่งออกเท่านั้น” หรือเป็นภาษาอังกฤษว่า “For Export Only”
(๒) หลอดไฟฟ้าดังกล่าวต้องอยู่ในความครอบครองของผู้ประกอบธุรกิจเพื่อการส่งออก หรือผู้ผลิต ผู้ขาย หรือผู้จัดหาสินค้านั้นให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจเพื่อการส่งออก
ข้อ ๕ หลอดไฟฟ้าที่จะนำออกขาย ต้องจัดให้มีฉลากตามข้อ ๖ ปิดหรือติดไว้ที่หลอดไฟฟ้าและต้องจัดให้มีฉลากตามข้อ ๗ ปิด หรือติดไว้ที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อบรรจุ
ข้อ ๖ ฉลากที่หลอดไฟฟ้านั้น ต้องใช้ข้อความเป็นภาษาไทยให้เห็นและอ่านได้ชัดเจน ข้อความในฉลากอย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้
(๑) ต้องแสดงข้อความเกี่ยวกับผู้ประกอบธุรกิจดังนี้
(ก) ในกรณีที่เป็นสินค้าที่ผลิตในราชอาณาจักร ให้ระบุชื่อผู้ผลิตและสถานที่ประกอบการที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยของผู้ผลิต แต่ถ้าเป็นสินค้าที่ผลิตขึ้นตามความต้องการหรือเพื่อการขายของผู้ประกอบธุรกิจรายใด ให้ระบุชื่อและสถานที่ประกอบการที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยของผู้ประกอบธุรกิจซึ่งเป็นเจ้าของสินค้าที่ผลิตนั้น
(ข) ในกรณีที่เป็นสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายให้ระบุชื่อผู้นำเข้าและสถานที่ประกอบการที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยของผู้นำเข้า แต่ถ้าเป็นสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อการขายของผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นที่มิใช่ผู้นำเข้า ให้ระบุชื่อและสถานที่ประกอบการ ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยของผู้ประกอบธุรกิจซึ่งเป็นเจ้าของสินค้าที่ได้นำเข้านั้น
ถ้าผู้ผลิต หรือผู้นำเข้า หรือผู้ประกอบการธุรกิจรายใดมีเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนในประเทศไทย จะระบุเครื่องหมายการค้าแทนชื่อและสถานที่ประกอบการของตนก็ได้
(๒) แรงดันไฟฟ้าที่กำหนด หรือช่วงแรงดันไฟฟ้าที่กำหนด โดยระบุหน่วยเป็นโวลต์ หรือมีตัวอักษร V แทนก็ได้
(๓) กำลังไฟฟ้าที่กำหนด โดยระบุหน่วยเป็นวัตต์ หรือมีตัวอักษร W แทนก็ได้
ข้อ ๗ ฉลากที่ภาชนะบรรจุหรือหีบห่อบรรจุหลอดไฟฟ้านั้น ต้องใช้ข้อความเป็นภาษาไทยให้เห็นและอ่านได้ชัดเจน ข้อความในฉลากอย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้
(๑) ต้องแสดงข้อความเกี่ยวกับผู้ประกอบธุรกิจดังนี้
(ก) ในกรณีที่เป็นสินค้าที่ผลิตในราชอาณาจักร ให้ระบุชื่อผู้ผลิตและสถานที่ประกอบการที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยของผู้ผลิต แต่ถ้าเป็นสินค้าที่ผลิตขึ้นตามความต้องการหรือเพื่อการขายของผู้ประกอบธุรกิจรายใด ให้ระบุชื่อและสถานที่ประกอบการที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยของผู้ประกอบธุรกิจซึ่งเป็นเจ้าของสินค้าที่ผลิตนั้น
(ข) ในกรณีที่เป็นสินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขาย ให้ระบุชื่อผู้นำเข้าและสถานที่ประกอบการที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยของผู้นำเข้า แต่ถ้าเป็นสินค้าที่นำเข้าในราชอาณาจักรเพื่อการขายของผู้ประกอบธุรกิจรายอื่นที่มิใช่ผู้นำเข้า ให้ระบุชื่อและสถานที่ประกอบการที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยของผู้ประกอบธุรกิจซึ่งเป็นเจ้าของสินค้าที่ได้นำเข้านั้น
(๒) ชื่อประเทศที่ผลิต
(๓) แรงดันไฟฟ้าที่กำหนด หรือช่วงแรงดันไฟฟ้าที่กำหนด โดยระบุหน่วยเป็นโวลต์ หรือมีตัวอักษร V แทนก็ได้
(๔) กำลังไฟฟ้าที่กำหนด โดยระบุหน่วยเป็นวัตต์ หรือมีตัวอักษร W แทนก็ได้
(๕) ค่าการให้แสงที่กำหนด โดยระบุหน่วยเป็นลูเมน หรือมีตัวอักษร lm แทนก็ได้
(๖) ลักษณะของขั้วหลอดไฟฟ้า ให้ระบุคำว่า “ขั้วเกลียว” สำหรับหลอดไฟฟ้าแบบขั้วเกลียว และให้ระบุคำว่า “ขั้วเขี้ยว” สำหรับหลอดไฟฟ้าแบบขั้วเขี้ยว หรือแสดงด้วยรูปภาพแทนก็ได้ ยกเว้น หลอดไฟฟ้าที่บรรจุในภาชนะหรือหีบห่อที่มองเห็นลักษณะของขั้วได้ชัดเจน จะไม่ระบุลักษณะของขั้วในฉลากก็ได้
(๗) ลักษณะของแก้ว ให้ระบุคำว่า “หลอดใส” สำหรับหลอดไฟฟ้าแบบแก้วชนิดใส และให้ระบุคำว่า “หลอดฝ้า” สำหรับหลอดไฟฟ้าแบบแก้วชนิดฝ้า ยกเว้นหลอดไฟฟ้าที่บรรจุในภาชนะหรือหีบห่อที่มองเห็นลักษณะของแก้วได้ชัดเจน จะไม่ระบุลักษณะของแก้วในฉลากก็ได้
(๘) ค่าประสิทธิภาพของการส่องสว่าง โดยระบุหน่วยเป็นลูเมนต่อวัตต์ หรือมีอักษร lm/W แทนก็ได้
ข้อ ๘ ให้หลอดไฟฟ้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขาย ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจัดให้มีฉลากในขณะนำเข้าที่ด่านศุลกากร แต่ต้องจัดให้มีฉลากตามประกาศฉบับนี้ก่อนที่จะนำออกขาย
ประกาศฉบับนี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป[๑]
ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๓๘
มาลดี วสีนนท์
ประธานกรรมการว่าด้วยฉลาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น